แอตฯ มาดริด ขึ้นนำแล้ว เกมรุกและเกมรับจะช่วยให้คุณได้แชมป์
1 min read
มีปรัชญาของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการของแมนฯ ยูไนเต็ดกล่าวไว้ว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” และมันเป็แนวทางที่ดิเอโก้ ซิเอโมเน่ กุนซึอ แอตฯ มาดริด เคยทำได้มาแล้วหนึ่งครั้งในฤดูกาล 2013/2014 แต่ว่าตอนนี้ ซิเอโมเน่อาจจะคิดว่ามันต้องเป็นความยอดเยี่ยมทั้งสองสิ่งแล้ว
ฤดูกาลที่ แอตฯ มาดริด เป็นแชมป์และหลังจากนั้น

ในฤดูกาล 2013/2014แอตฯ มาดริด พุ่งขึ้นมาจากทีมเบอร์สามเป็นทีมเบอร์หนึ่งของประเทศ ด้วยการปาดความแชมป์ตัดหน้าบาร์เซโลน่าและเรอัล มาดริด ด้วยผลงาน 38 นัด ชนะ 28 เสมอ 6 และแพ้ 4 มี 90 คะแนน ขณะที่คู่แข่งทั้งสองทีมชนะ 27 เสมอ 6 และแพ้ 5 นัด มีเพียง 87 แต้มเท่านั้น ทีมตราหมีคว้าแชมป์ด้วยเกมเดียวที่พวกเขาชนะมากกว่าคู่แข่ง หรือพูดว่าพวกเขาเป็นแชมป์ด้วยการแพ้น้อยกว่าคู่แข่งแค่เกมเดียวก็ได้
ฤดูกาลดังกล่าวแอตฯ มาดริด ไม่สามารถเทียบผลงานการทำประตูสู้กับอีกสองทีมได้เลย เพราะขณะที่บาร์ซ่ายิงไป 100 ลูก เรอัล มาดริดยิงไป 104 ลูกแอตฯ มาดริด สรุปสกอร์ที่ 77 ลูกเท่านั้น แต่พวกเขาก็มีการเสียประตูน้อยกว่าคู่แข่งแต่ไม่มากนัก เพียงแต่มันเพียงพอให้ทีมได้ผลการแข่งขันที่ต้องการและเป็นแชมป์ได้นั่นเอง

ลูกทีมของดิเอโก้ ซิเอโมเน่ ลงเล่นในบ้านแบบไร้พ่าย ไม่เสียประตูในบ้าน 12 เกม ส่วนนอกบ้าน สามารถชนะแบบเก็บคลีนชีตด้วยถึง 8 เกม ขณะที่เกมไปเยือนบาร์ซ่า พวกเขาเสมอ 2-2 และบุกชนะคู่แข่งร่วมเมือง 1-0 บ่งบอกความเหนียวแน่นในปรัชญาเกมรับของกุนซือจอมเขี้ยว ซึ่งมันช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้จริงๆ
ทว่าในฤดูกาลต่อมาปีแล้วปีเล่าแอตฯ มาดริด วนเวียนอยู่ที่อันดับสองบ้าง อันดับสามบ้าง เป็นอยู่อย่างนั้นเพราะทีมไม่มีเกมที่ชนะมากพอ แนวรุกของพวกเขาไม่สามารถสู้คู่แข่งได้อย่างทัดเทียม และมันส่งผล็อย่างมากที่ทำให้ลูกทีมของกุนซืออย่างซิเมโอเน่หลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ในช่วงเกือยท้ายฤดูกาลทุกที
เกมรุกที่ดีกับเกมรับที่แกร่ง แอตฯ มาดริด ลุ้นแชมป์ยาวๆ

ในฤดูกาล 2020/2021 นี้แอตฯ มาดริด สามารถแซงเรอัล โซเซียดัดขึ้นเป็นจ่าฝูงได้หลังชนะเอลเช่ 3-1 มี 29 แต้มจาก 12 เกม ขณะที่โซเซียดัดมี 26 แต้ม แต่เล่นไป 14 เกม และส่วนเรอัล มาดริดเล่นไป 13 นัด มี 26 แต้ม เกมในมือเป็๋นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังจะทำคะแนนฉีกหนีไปอีกได้ เพราะฤดูกาลนี้เกมรุกของพวกเขาดีเยี่ยมกว่าปีไหนๆ มีผลต่างประตูได้เสียดีที่สุด +19 ลูก ขณะที่เรอัล มาดริด +9 และบาร์ซ่า +11 เท่านั้น
หลุย ซัวเรสที่ดึงมาจากบาร์ซ่า, เจา เฟลิกซ์ที่ฟิตสมบูรณ์, ดิเอโก้ คอสต้าที่ไม่บาดเจ็บ ยอเรนเต้ที่ไว้ใจได้ คาร์ราสโก้ที่กลับมาเป็นกำลังเสริม ทำให้แนวรุกของแอตฯ มาดริด น่ากลัวมากขึ้นด้วยความหลากหลายของสไตล์ที่ใช้เล่นงานคู่แข่ง
เมื่อแนวรุกคมกริบและแนวรับยังคงยากต่อการเจาะเข้าไปทำประตูแอตฯ มาดริด จะลุ้นเป็นแชมป์ก็ไม่แปลก เพราะปีนี้เป็นอีกครั้งที่คู่แข่งทั้งสองทีมดูจะมีปัญหาเหมือนปี 2013/2014 และถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แฟนบอลตราหมีคงฝันหวานกันได้.